Central European trip


Advertisement
Czech Republic's flag
Europe » Czech Republic » Prague
July 9th 2005
Published: October 25th 2006
Edit Blog Post

ปราคปราคปราค

สะพานชาร์ลส์
อยากมามานานแล้ว ในที่สุดก้อมาถึง ตัดสินใจไปเที่ยวก่อนกลับบ้าน ไปขอวีซ่ากะเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่มหาลัยชาวตุรกี แต่มันดันขอวีซ่าไม่ผ่านโปแลนด์ (แพลนไว้ว่าจะไปด้วยกัน) ก้อเลยจองทุกอย่างเหมือนกันหมด แต่เราได้คนเดียว ก็เลยคิดว่าเอาเว้ย ไหนๆก้อมีวีซ่าแล้ว ไม่แคนเซิลดีกว่า เราก้อเลยตัดสินใจไป ตอนที่ไปปรากก็สวยมากแต่นักท่องเที่ยวเยอะไปหมด จำได้ว่าคืนนึงไปแด๊นที่ผับๆนึง แบบเค้าบอกว่าใหญ่ที่สุดในยุโรปแถวนี้ ที่ไหนได้ ชั้นสามนะ มีแต่อเมริกันแด๊นทั้งชั้น แล้วเปิดเพลงเหมือนดิสโก้ปีแปดสุญ ตึง หาคนท้องถิ่นไม่ค่อยได้ เราออกมาจากแอร์พอร์ดแล้วก้อไปอินโฟ ถามว่าไปเซ็นเตอร์ไง ซื้อตั๋วรถแล้วก้อนั่งรถไป ภาษาคล้ายๆรัสเซียเลยพอเดาออก พอมาถึงก้อหาที่พัก ดึกแล้วแต่ก้อพอไหว แล้วก้อเริ่มดูเมืองเลย อยากจะบอกว่าเมืองเป็นระเบียบ แล้วก้อของไม่แพงอย่างที่คิด อาหารเคยลองกูลาชไปมื้อนึง เลิกเลย แต่ว่าเบียร์หร่อยมั่กๆ สตาราย่าพลาเมนหรือว่า โคเซิล เรื่องปราสาทก้อหมดห่วง จำได้ว่าถ่ายรูปไปเยอะมาก แล้วก้อไปดูบ้านของนักเขียนฟลังคาฟก้า เมืองเล็กๆที่เค้าอยู่ ไปดู vishij grad ประสาทโกธิค สะพานชาร์ลที่บอกว่าโรแมนติกสุดๆ เวร ไปกะเพื่อน เซ็งเลย แล้วก้อเข้าไปฟังดนตรีคลาสิคมาด้วยที่โบสถ์ (แต่เพื่อนเรามันไม่ไปปล่อยให้เราไปคนเดียว เวร) แต่ก้อดี รวมๆแล้วก้อชอบ ขากลับเราไม่อยากกลับ อยากไป Chesky Krumlov กะเมือง Brno อีกแต่ไม่มีเวลา น่าเสียดาย ก้อแยกกันกลับ เพื่อนเรามันก้อไม่รู้จะไปไหนก้อซื้อทัวร์ไปประเทศตัวเอง (ไปสิบวัน) แล้วเราก้อนั่งรถไฟต่อเข้าไปโปแลนด์ เปลี่ยนที่คาโตวิชเซ่ แล้วก้อตรงต่อไปคราคอฟ เราจำได้ว่ามาถึงตอนดึกมาก แล้วถือเป้เหมือนบ้าหอบฟาง โฮสเทลที่เราจองก้อแคนเซิลไปแล้วเพราะมาสาย พอเดินไปเรื่อยๆ ก้อมีคนโปแลนด์เค้ามาคุยด้วย มาช่วยหาที่พักให้ แล้วก้อพาไปเลี้ยงดริ้ง โคตรประทับใจ ที่วอร์ซอ ก้อเหมือนกัน เดินเข้าไปไหนมีแต่คนอยากรู้จักว่า เฮ้ย ชาวต่างชาติ หนุกดี คนเป็นมิตร์ด้วย ถ้ามีโอกาสก้ออยากจะมาใช้ชีวิตอยู่สักสี่เดือนเรียนภาษาโปแลนด์ ที่คราคอฟมีเพื่อนที่คุยกันมานานชื่อคริสตอฟมาเป็นไกด์ให้วันสุดท้าย จำได้ว่าไปพิพัทธภัณท์ของเมืองแล้วถกกะมันตั้งนานว่ารูปภาพทีผู้หญิงอุ้มแมว (ที่จริงเป็นตัวอะไรสักอย่างคล้ายๆหนู) อยู่ตรงไหน กว่าจะเจอ ชอบคราคอฟนะ ได้ไปที่ๆโป๊บคนเก่าอยู่แล้วก้อเคยเป็นพระสังคราชอยู่ด้วย ได้ไปถ้ำใต้โบสถ์ที่เขาเล่ากันว่ามีมังกร แล้วก้อไปผับ ผับที่นี่ก้อคล้ายๆเซนต์ แบบดิบๆหน่อยๆแต่บรรยากาศเป็นกันเอง
ที่ไฮไลท์อีกส่วนคือจะเป็นบริเวณนอกเมืองของคราคอฟ ที่ต้องนั่งรถไปประมาณชั่วโมงได้ เราตื่นเช้าวันนั้นก้อเจอเซอร์ไพรท์เพราะสาวน้อยสองคนชาวฮอลเลน เอเลนกะคาทรีน ทิ้งกกน.ตากไว้ในห้องพักอย่างโจ๋งครึ่ง แถมติดโน๊ตขอโทษด้วยที่ตากไว้แบบลอยหน้าลอยตาเพราะเพิ่งซักเสิด ไซม่อนหนุ่มเยอรมันเลยแบบฉุน ฮ่ะๆ ก้อห้องมันพักรวมกันนี่ทำไงได้ แต่ก้อตัดสินใจกัดฟัน
ไป ชื่อเอ้าชวิต เป็นคล้ายๆค่ายกักขังของพวกนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง เค้าบอกมาว่าใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าค่ายที่มิวนิคเสียอีก ข้างใจเป็นพิพิดพัน จัดเป็นประเทศเลยว่าตายๆเป็นเกือบแสนคนได้ แล้วก้อมีเรื่องราวฉายให้ดู ให้ไปดูที่อยู่จริงๆว่าเป็นไง แบบเข้าใจเลยว่าช่วงมืดของประวัติศาสตร์เป็นไง แถมยังมีค่ายสำหรับ ญ โดยเฉพาะซึ่งจะต้องเดินทางไปอีกสองกิโล ฝนก็ตกฟ้าก้อร้อง เรานี่เปียกชุ่ม ไซม่อนแม่งเดินดุ่มๆไม่คิดว่าเกิดไรขึ้น กลับจากเดย์ทริปนี้มาเราแทบตายห่าตอนเย็นวันนั้นเองก้อกลับเข้าหอแล้วก้อไปร้านอาหาร อารมณ์คล้ายๆสตาโลวาย่าของรัสเซีย แล้ววันรุ่งขึ้นไซม่อนก้อไปวอร์ซอร์ต่อ แต่ว่าเราอยู่ต่ออีกคืนนึงเพราะนัดกะเพื่อนไว้ ชื่อคริสต์ที่เป็นชาวโปแลนด์
ส่วนวอร์ซอร์นั้นไม่ต้องบอก เพราะคล้ายๆกับมอสโค แต่เมืองเก่าที่สร้างใหม่หลังสงครามโลกสร้างได้แบบว่าไม่รู้เลยว่าเคยถูกทำลายมาแบบไม่เหลือซากมาก่อน คงไม่มีรูปจากโปแลนด์เวอร์ชั่นดิจิตอลมาให้ดู มีแต่รูปที่ล้างมา ถ้ายังไงอยากได้ก้อถามหาเอาละกัน เค้าบอกว่าไอ้ตึกซิสเตอร์ที่สตาลินสร้างเป็นของขวัญให้นั้น อุบาดมากและบิดบังภาพพจของเมือง แต่ว่าถ้าไปอยู่ข้างในแล้วจะเห็นว่าสุดยอด เพราะว่าจะไม่เห็นตัวตึกเอง เรานั่งรถจากคราคอฟไปลงวอร์ซอร์ซึ่งในที่นั่นเจอกับคนบราซิลชื่อคาลอส แล้วตอนก่อนจะถึงวอร์ซอร์มีสาวจากอินโฟเข้ามาโฆษณาหอ เราไม่ได้จองไว้ เลยตกลงปลงใจ ไปพักที่หอสตอเบอรรี่ สำหรับนักท่องเที่ยวแบ็คแพคเหมือนกัน คืนละยี่สิบเหรียญได้ คิดว่าถูกสุดแล้วแล้วก้ออยู่เป็นเวลาสี่วันสามคืน
ที่วอร์ซอร์นั้นก้อบรรยากาศแตกต่างไป แต่ไม่แพงมากเพราะทำไรก็มีราคานักเรียนอยู่ ขนาดรถใต้ดินยังได้ลด อาหารก็ได้ลด คนไม่ค่อยเยอะมากแต่เราได้ไปผับๆนึง ชื่อโตโร่ หาตั้งนาน ที่แท้อยู่ใกล้ๆหอพัก สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะว่าเดินเข้าไปมีแต่แบบคนมาทัก เฮ้ย มาจากไหน เลี้ยงเบียร์ ไรเงี่ยะ แล้วก้อได้รู้จักกันเฮเลน คนอังกฤษที่มีแฟนเป็นโปแลนด์ ได้คุยกันนานเลยรู้ว่าหล่อนเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษแล้วเคยไปสอนที่เมืองไทยมาด้วย ที่น่าแปลกก็คือในผับเปิดเพลงตาตู All the things she said ซึ่งคนโปแลนด์ ร้องตามได้หมดภาคภาษารัสเซีย เราแทบไม่เห็นความเป็นโซเวียตเหลือเลย พอไปใจกลางเมืองเก่านะ เค้าบอกว่าเมืองเก่าเป็นอะไรที่ทำด้วยมือทั้งหมด เพราะในสงครามถูกทำลายไปสิ้นทราก แบบไม่เหลือไรเลย แต่ตอนหลังจากนั้นพวกโซเวียตก้อต่ออิฐต่ออิฐสร้างให้มันมีรูปแบบเหมือนสมัยก่อน น่าทึ่งมากๆ
เราอยากจะบอกว่าเราชอบโปแลนด์เพราะว่าคนที่นั่นใจดี ได้เจอคนดีดีด้วยมั้ง ขำๆกัน เลยทำให้สนุก ที่จริงอยากจะอยู่ต่อว่าว๊ซ่าหมดเสียก่อน ก่อนจากเราก้อซื้อที่ถักข้อมือเขียนว่า Polska เป็นสัญลักษณ์ว่าเราห้าคนจะมาเจอกันใหม่ซัมเมอร์ปีหน้าที่คราคอฟ เรา ไซมอน เอเลน คาทรีน แล้วก้อ โจเซฟ (สวีเดน)
เอ๊ด


Additional photos below
Photos: 9, Displayed: 9


Advertisement

นาริกานาริกา
นาริกา

อัสตราโนมีเชสกี้
ปราคปราค
ปราค

ภาพจากมุมสูงจากวุยชี่กราค
ปราคปราค
ปราค

จะมีไรเหมือนนิทานก่านี้มะ
ปราคปราค
ปราค

โบสถ์
ปราคปราค
ปราค

โบสถ์เซนต์นิคลาสที่ไปฟังดนตรีมา
ปราคปราค
ปราค

ตอนกลางคืน
ปราคปราค
ปราค

ตอนกลางคืน
ปราคปราค
ปราค

วิเซนสลาฟ


Tot: 0.247s; Tpl: 0.011s; cc: 8; qc: 45; dbt: 0.0454s; 1; m:domysql w:travelblog (10.17.0.13); sld: 1; ; mem: 1.2mb